TheThings ได้นำเสนอวีดีโอ ถึงเรื่องราวที่มีผู้คน ที่หน้าตาดูเหมือนเจ้าหญิงดีสนีย์ชะมัด เหมือนแค่ไหน ไปดูกัน นอกจากนี้ยังมีวีดีโออีกมากมาย ไป subscribe เขากันได้นะจ๊ะ
TheThings
ในที่สุดก็ถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย พวกเราทุกคนตั้งใจกันมาก ฉันกับน้ำเลือกสนามสอบเดียวกันซึ่งเป็นสนามสอบใกล้บ้าน จริง ๆ นักเรียนส่วนใหญ่ของโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่ก็เลือกสนามสอบแห่งนี้ เพราะเรียนหนังสือใกล้บ้านกันทั้งนั้น แต่ก็มีบางคนเลือกสนามสอบต่างจังหวัดเนื่องจากพอเรียนจบ ม.6 กันแล้วก็กลับไปภูมิลำเนาเดิมของตน
ฉันกับน้ำได้สอบกันคนละห้อง อันที่จริงเราสองคนมาดูห้องสอบกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เผื่อเอาไว้กันพลาด และวันสอบจริงวันนี้เรารีบมากันแต่เช้า เพราะกลัวว่ารถจะติด ซึ่งโชคดีมาก ๆ ที่รีบมาเพราะว่ารถติดจริง ๆ การสอบดำเนินไปสองวัน ฉันกับน้ำเมื่อสอบเสร็จก็คุยกันนิดหน่อยแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน เนื่องจากหมดเรี่ยวหมดแรง ข้อสอบยากจริง ๆ เมื่อสอบเสร็จแล้วก็เหลือเวลาประมาณเดือนครึ่งก่อนที่จะประกาศผลสอบ ถึงตอนนั้นเราก็จะได้รู้กันว่าอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร หนึ่งวันหลังวันสอบฉันหลับไปเต็ม ๆ 1 วันหลังจากนั้น ซึ่งพ่อแม่ก็เข้าใจ ในวันที่ 2 หลังจากสอบฉันก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม ต่อจากนี้อยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำสินะ หลังสอบ เล้งก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย ทำข้อสอบได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ฉันว่าเล้งน่าจะทำได้อยู่แล้ว แต่หายไปแบบนี้ก็แอบคิดถึงเหมือนกัน วันนี้เล้งน่าจะว่าง ลองโทรไปหาดีกว่า เผื่ออาจจะได้ไปไหนด้วยกัน ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเล้ง ไม่มีคนรับสาย จึงส่งข้อความไปในเพจเจอร์ "สอบเป็นยังไงบ้าง เราโทรหา ไม่มีคนรับ/มิ้นท์" ฉันส่งข้อความเสร็จก็วางเพจเจอร์ไว้บนโต๊ะ ข้างคู่มือเคมี ม.ปลาย เห็นคู่มือทีไรนึกถึงพี่ฉิ่งทุกที ป่านนี้พี่ฉิ่งมีความสุขบนสวรรค์หรือไปเกิดใหม่แล้วก็ไม่รู้ สร้อยคอรูปดาวที่พี่ฉิ่งให้ไว้ตอนปีใหม่ ตอนที่อยู่ ม.5 ยังวางอยู่ในกล่องที่เดิมของมัน ฉันเก็บรักษาอย่างดี จำรอยยิ้มของพี่ฉิ่งได้ และคำพูดที่ว่า "พี่ให้หนู" ยังจำไว้อยู่ในใจ ไม่แปลกที่เด็กวัยรุ่นอย่างฉันก็ต้องแอบคิดไปว่า พี่ฉิ่งชอบฉันหรือเปล่านะ มันดูเป็นความรักกุ๊กกิ๊กในใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา อาจเป็นเพราะเขาเป็นครูเราเป็นลูกศิษย์ แต่บางทีฉันก็คิดว่าฉันบ้าไปเอง ท่าจะอ่านการ์ตูนมากไปหน่อย จริงสินะ เราสอบเสร็จแล้วนี่ มีเวลาอ่านการ์ตูนแล้ว ไปเช่าการ์ตูนมาอ่านดีกว่า พอวางแผนในใจได้แบบนี้แล้ว ฉันเร่งทำงานบ้านให้เสร็จ แล้วขอพ่อแม่ออกมาเช่าการ์ตูนที่ตลาด เจ้าทองวิ่งตามมาส่งหน้าประตู พอเห็นฉันพ้นประตูก็นั่งกระดิกหางอยู่ในบ้าน ร้านเช่าการ์ตูนที่ว่า อยู่ในตลาด ต้องเดินผ่านร้านขายข้าวสารของเล้งไปก่อน วันนี้ร้านปิด แต่เห็นพัดลมเครื่องปรับอากาศที่ระเบียงชั้นสองของร้านทำงานอยู่ แบบนี้น่าจะมีคนอยู่ แต่ทำไมไม่มีคนรับโทรศัพท์ เพจเจอร์สั่นไปมาตามจังหวะของมัน ยังไม่ทันได้หยิบอ่าน ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันผละจากหนังสือตรงหน้าแล้วลุกไปรับสาย กลายเป็นเล้งที่โทรมา "เย็นนี้อ่านหนังสือเสร็จแล้วไปกินไอติมกันไหม" เล้งถาม "แปลว่าเธออ่านหนังสือเสร็จแล้วสิ" ฉันย้อน.....ใจจริงนี่แอบไชโยไปเรียบร้อย เรานัดกันสี่โมงเย็น ที่ท่ารถสองแถว วางสายเสร็จฉันไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือต่อแล้ว มัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้ไปกินไอศกรีมกับเล้ง เมื่อถึงเวลานัดฉันออกมารอเล้งที่คิวรถสองแถว รออยู่ไม่นานเล้งก็มา เล้งแต่งตัวสบายๆ สวมเสื้อยืดคอกลม กางเกงขายาวลายทหารครึ่งแข้ง เดินยิ้มตาหยีมาแต่ไกล อันที่จริงก่อนหน้านี้ฉันเคยมากินไอศกรีมกับเล้งแล้ว ก็เป็นการกินไอศกรีมธรรมดา ๆ ที่ร้านใกล้ ๆ คิวรถนั่นแหละ ร้านนี้ดูดี ติดแอร์เป็นร้านแรก ๆ ในละแวกนั้น ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมก็มีนักเรียนมากินเรื่อย ๆ เล้งเร่งฝีเท้าเพื่อเดินมาหาฉันที่ยืนรออยู่ แล้วจึงค่อยเดินไปร้านไอศกรีมพร้อมกัน เมื่อได้ที่นั่ง ฉันสั่ง ช็อกโกแลตพาเฟต์อย่างที่ชอบ ส่วนเล้งสั่งไอศกรีมกะทิธรรมดา เมื่อสั่งไอศกรีมเสร็จเล้งก็เริ่มบทสนทนา "อ่านหนังสือถึงไหนแล้วล่ะ" เล้งถามด้วยท่าทีสนใจ "จริง ๆ ก็อ่านจบแล้วนะ" ฉันตอบ "แต่ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่" พอพูดถึงตรงนี้ฉันแอบเห็นยิ้มเยาะของเล้ง แต่เล้งก็เปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว "ฉันเลือกคณะแพทย์ไปนะ" เล้งบอกด้วยท่าทางภูมิใจ ไอศกรีมมาเสริฟพอดี เป็นไอศกรีมกะทิของเล้ง "ที่ไม่มั่นใจน่าจะเป็นความถนัดทางแพทย์ ไม่รู้เขาจะออกอะไร" เล้งพูดต่อ "แต่เราซื้อหนังสือมาอ่านดูแล้วล่ะ" เล้งพูดพลางตักไอศกรีมเข้าปาก "เราอยากเป็นหมอเหมือนพี่ชายเรา" "เล้งอยากเป็นหมออะไรเหรอ" ฉันถามด้วยความอยากรู้ "ยังไม่รู้เลย" เล้งตอบ ไอศกรีมช็อกโกแลตพาเฟต์ของฉันมาเสริฟพอดี "เนี่ย เสือมันว่าอยากสอบวิศวะ ไม่รู้ยังไงเห็นมันว่าก็อ่านหนังสือหนักอยู่เหมือนกัน" พอเล้งพุดถึงเสือ ฉันเกือบจะบอกว่าเมื่อเช้าออกมาใส่บาตรก็เจอเสือเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมไม่ได้พูดออกไป เราสองคนกินไอติมของตัวเองจนเสร็จก็ร่ำลา แยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้น้าเพ็ญทำผัดกระเพราหมูใส่ถั่วฝักยาวที่ฉันชอบ พอทานอาหารเย็นเสร็จ ฉันก็ขึ้นห้องไปอ่านหนังสือเหมือนเดิม อ่านหนังสือได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ฉันก็คิดว่าเปิดวิทยุฟังดีกว่า ดีเจหนึ่ง กำลังจัดรายการ ฉันฟังสถานีนี้แทบทุกวัน "ครับ วันนี้หมดเวลาสำหรับดีเจหนึ่งแล้วครับ กลับมาพบกันใหม่ พรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้ สวัสดีครับ" ฉันฟังดีเจหนึ่งจัดรายการจนหมดเวลา จึงกลับไปอ่านหนังสือต่อ อ่านหนังสือได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงฉันจึงตัดสินใจเข้านอน ล้มตัวลงนอนได้สักพัก ก็นอนไม่หลับ คว้าเพจเจอร์คู่ใจมากดเล่น ปรากฏข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน น่าจะเป็นข้อความที่เข้ามาเมื่อกลางวัน ตอนที่เล้งโทรมาจึงไม่ทันได้อ่าน "ยินดีที่รู้จักนะครับ / เคน " อ๋อ นายเคนที่เพจมาเมื่อวานนั่นเอง ฉันตอบไปสั้น ๆ ว่ายินดีที่รู้จักเช่นกัน แล้วก็หลับไป หมดวันหนึ่งวันวันนี้ วันที่ได้ไปกินไอศกรีมกับเล้ง
บทที่ 1 จุดเริ่มต้น
ปี 2538 ------------ เพจเจอร์ที่วางอยู่ข้างตัวขยับเป็นจังหวะ เวลาสามทุ่มขณะนี้เพื่อน ๆ คงอ่านหนังสือกันอยู่ แล้วใครกันที่เพจมา "อยากรู้จักจังครับ เพื่อนให้เบอร์เพจมา จาก เคน" ชื่อเคนเหรอ ฟังดูดี แต่ว่าเป็นใครก็ไม่รู้ จะว่าไปชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนหญิงล้วนแบบเรา มันก็อยากมีแฟนเหมือนกัน แต่เดินไปทางไหน ก็เจอแต่ผู้หญิง บางคนก็คบผู้หญิงด้วยกัน แต่ฉันอยากคบผู้ชายมากกว่า อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงวัน entrance แล้ว เพื่อน ๆ ต่างเลือกคณะที่ชอบ เด็กเรียนปานกลางอย่างฉันก็คงเลือกคณะที่สมกับตัว อีกอย่างที่บ้านก็ไม่ได้มีฐานะอะไรมากมาย เป็นครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาทั่ว ๆ ไป ฉันไม่ได้ตอบเพจในตอนนั้น เพราะเริ่มง่วงนอนแล้ว อีกอย่างคือกะจะอ่านหนังสืออีกสักนิดนึงก่อนนอน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฉันและเพื่อน ๆ จบ ม.6 กันแล้ว เราต่างคนต่างก็มีหนทางเป็นของตนเอง รอยยิ้ม เสียงเพลง และรอยน้ำตาในวันปัจฉิมนิเทศ ยังแอบตราตรึงอยู่ในใจ ดีหน่อยที่สมัยนี้ถึงจะแยกย้ายไปเรียนที่ไหน เราต่างแลกเบอร์เพจกันไว้ เวลานึกถึงกันก็เพจหากันได้ ถ้าเป็นสมัยก่อน โทรไปที่บ้านถ้าไม่อยู่ก็ไม่ได้คุยกัน พูดถึงเรื่องผู้ชาย อันที่จริงฉันก็มีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว นั่นคือนายเล้งร้านขายข้าวสารที่หัวมุมถนน เล้งกับฉันเรียนโรงเรียนประถมเดียวกัน แต่คนละห้อง เราเคยคุยกันบ้าง หรือบางครั้งก็กลับบ้านด้วยกัน แต่ไม่ใช่ว่ารอจะกลับบ้านด้วยกันหรอก แค่บังเอิญเดินมาเจอกันตรงสองแถวเฉย ๆ บ้านอยู่ใกล้กัน ก็เลยกลับด้วยกัน แรกเริ่มเดิมทีอาศัยว่า เคยเรียนประถมที่เดียวกันก็เลยทักทายพูดคุยกันเฉย ๆ จนกลายเป็นว่าถ้าเจอกันตอนเย็น ก็จะกลับด้วยกัน เล้งเรียนที่โรงเรียนสหแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากโรงเรียนหญิงล้วนที่ฉันเรียน ฉันเองก็ไม่เคยสับสน ว่าฉันชอบเล้งหรือไม่ เอาจริง ๆ คือชอบเล้งนั่นแหละ แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกเล้ง เล้งมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเสือที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน ฉันเจอนายเสือคนนี้บ่อย ๆ บ้านเสืออยู่แถว ๆ คิวรถสองแถว นั่นทำให้เล้งและเสือ เดินจากโรงเรียนมาด้วยกัน และเจอฉันที่เดินมาจากโรงเรียนเพื่อขึ้นสองแถว พอฉันกับเล้งขึ้นสองแถว เสือก็เดินเข้าซอยบ้านตัวเอง กลายเป็นฉันก็รู้จักนายเสือคนนี้อีกคน วันนี้อ่านหนังสือแค่นี้ก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ไปใส่บาตรให้พี่ฉิ่ง ------------ ฉันออกมาใส่บาตรที่ริมถนน ใกล้ ๆ บ้านเล้ง แอบมองหน้าต่างบ้านเล้งนิดนึง เล้งคงยังไม่ตื่น แต่ร้านข้าวสารของเล้งเปิดแล้ว ทำให้ฉันไม่กล้ามองมากเท่าไหร่ หลังใส่บาตรและรับพรเสร็จ ฉันลุกขึ้นใส่รองเท้า หันหลังกลับเจอเสือพอดี "อ้าว สวัสดีเสือ" ฉันทัก เสือยิ้มหวาน เห็นเสือถือถาด คงจะมาใส่บาตรเหมือนกัน ฉันเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ เราทักกันแค่นั้น เสือก็เดินกลับไป ตรงป้ายรอรถสองแถว ฉันเหลือบมองหน้าต่างบ้านเล้งอีกครั้ง ยังเหมือนเดิม ฉันเลยหันหลังเดินกลับเข้าซอยบ้านตัวเอง ฉันออกมาใส่บาตรให้พี่ฉิ่ง พี่ฉิ่งเป็นครูสอนพิเศษเคมีให้กับฉันตั้งแต่ ม.4 โดยเพื่อนบ้านที่เรียนชั้นเดียวกัน จ้างมาสอน ฉันก็ไปหารค่าเรียนกับเขา แต่น่าเสียดาย พี่ฉิ่งอายุไม่ยืน พี่ฉิ่งเสียไปจากอุบัติเหตุตอนฉันปิดเทอม ม.5 จะขึ้นเทอม 2 กว่าฉันจะรู้ก็เปิดเทอมไปแล้ว และก็มีครูคนใหม่ถูกส่งมาสอนพิเศษแทน โดยที่ฉันกับเพื่อนบ้านก็รู้แค่นั้นว่าพี่ฉิ่งเสียไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พอจบ ม.5 ฉันและเพื่อนบ้านก็ไม่ได้จ้างครูมาสอนเคมีอีกเลย เนื่องจากเพื่อนบ้านตั้งใจจะไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนฉันจะจ้างคนเดียวก็คงไม่ไหว เลยหยุดไว้แค่นั้น มาอ่านหนังสือเอาเองและอาศัยถามเพื่อนเก่ง ๆ ดีกว่า ในบรรดาเพื่อนเก่ง ๆ ที่ฉันมี ก็จะมี "น้ำ" เพื่อนที่สนิทมาตั้งแต่ ม.1 เรานั่งข้างกัน น้ำเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ๆ และไม่หวงวิชาความรู้เลย น้ำจะคอยอธิบายตลอดเวลาที่เพื่อน ๆ ไม่เข้าใจ ปีนี้น้ำตั้งใจจะสอบเข้าแพทย์ ฉันเชื่อว่าน้ำทำได้ หลังจากจบ ม.6 ฉันกับน้ำก็ห่าง ๆ กันไป เข้าใจว่าเป็นช่วงอ่านหนังสือก่อนสอบ ฉันกลับมาถึงบ้านหลังจากใส่บาตรก็เตรียมตัวทานอาหารเช้า ที่บ้านฉันมี พ่อ แม่ น้องชายชื่อน้องแม๊กซ์ อายุอ่อนกว่าฉันสามปี และมีน้าเพ็ญ เป็นแม่บ้านที่อยู่กับครอบครัวของเราก่อนที่ฉันจะเกิดเสียอีก แม่เล่าให้ฟังว่าสมัยสาว ๆ น้าเพ็ญก็เป็นแม่บ้านแบบนี้แหละ จนขอลาไปแต่งงาน หายไปสี่ห้าปี สุดท้ายขอกลับมาเป็นแม่บ้านเหมือนเดิม เพราะสามีตาย ลูกก็ไม่มี น้าเพ็ญเลยกลับมาเป็นแม่บ้านตำแหน่งคงกระพัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มหมู ฝีมือน้าเพ็ญ พ่อ แม่ ไปทำงาน และแม๊กซ์ซึ่งเรียนอยู่ ม.3 ไปโรงเรียนกันหมดแล้ว หลังจากทานอาหารเช้า ฉันก็กลับไปอ่านหนังสือบนห้อง ได้ยินเสียงน้าเพ็ญเรียกเจ้าทอง สุนัขพันธ์ุไทยของครอบครัวเข้าบ้าน ------------ อ่านหนังสือไปจนบ่าย เพจเจอร์ขยับอีกครั้ง.... โปรดรออ่านต่อบทที่ 2 picture from pixabay -บังเอิญเปิดไปเจอเสียงผ่อนคลาย มีทั้งน้ำตก สายน้ำ ทะเล ฯลฯ ส่วนตัวที่ชอบที่สุดก็เป็นเสียงนกร้องยามเช้า ค่ะ แถมแต่ละอันเปิดได้เป็นสิบชั่วโมง หลับได้ทั้งคืนเลย ขอรวบรวมอันที่ชอบ ๆ ไว้นะคะ - เสียงนกร้องยามเช้า โดย Soft Music & Yoga ~ YogaYak - ฝนตกท่ามกลางแมกไม้ป่า โดย Relaxing White Noise - คลื่นทะเล สบาย ๆ โดย Soft Music & Yoga ~ YogaYak - ฝนตกเบา ๆ ชุ่มฉ่ำ โดย Brad McBride - ลำธารน้ำไหล เขียวชุ่มฉ่ำ โดยSoft Music & Yoga ~ YogaYak - เสียงธรรมชาติป่าฝน ชุ่มฉ่ำ โดย Soft Music & Yoga ~ YogaYak - เสียงช่วยให้ทารกหลับสบายไม่ตื่นร้องกลางดึก โดย Relaxing White Noise อันนี้เราไม่มีลูกนะ ใครเอาไปใช้แล้วเป็นไงช่วยบอกหน่อยนะคะ - น้ำตกในป่าโปร่ง โดย johnnielawson - มีดนตรี * ก่อกองไฟริมทะเล ภาพสวยผ่อนคลาย โดย LoungeV studio : Relaxing Nature Videos - เสียงเสริมประสิทธิภาพทางสมอง โดย Body Mind Zone - มีดนตรี * คลื่นกระทบฝั่ง native american โดย LoungeV studio : Relaxing Nature Videos - เสียงช่วย deep sleep โดย Brainwave Power Music
- ทำนองเพลงเหมาะกับสปา โดย YellowBrickCinema ไว้มีอีกจะมาอัพเดทเรื่อย ๆ ค่ะ Last update 01/12/58 ทุกคนเคยติดที่จะอ่านอะไรไหมคะ สำหรับตัวเองตอนนี้ติดอ่านเรื่องราวเรื่องหนึ่ง ซึ่งผู้แต่งได้กล่าวไว้ว่า เป็นเรื่องแต่งขึ้นมา ที่เป็นเรื่องของการไปเจอรูปถ่ายของเด็กสิบคน และมีคนหนึ่งหน้าเหมือนลูกศิษย์ตัวเองนี่หละค่ะ ใช่ แล้วค่ะ เรื่อง ข้ามภพข้ามชาติ นี่เอง เป็นเรื่องที่คุณครูท่านหนึ่งเขียนขึ้นมา เป้นเรื่องเกี่ยวกับการข้ามภพชาติ การระลึกชาติค่ะ ใครที่ชอบแนวนี้พลาดไม่ได้ ซึ่งสามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ ข้ามภพข้ามชาติ ก็ขอเก็บลิงค์ไว้ที่นี่เพื่อสะดวกในการเข้าไปอ่านนะคะ -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 1 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 2 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 3 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 4 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 5 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 6/1 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 6/2 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 7 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 8 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 9 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 10/1 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 10/2 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 10/3 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 11 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 12 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 13/1 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 13/2 -ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 13/3 - ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 14/1 - ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 14/2 - ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 14/3 - ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 15 - ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 16 - ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 17 - ข้ามภพข้ามชาติ ตอนที่ 18 จบ เพลง...ฝาก...จากนิยาย ข้ามภพ ข้ามชาติ ถึงคุณยาย บทสรุป เพิ่มเติม.... เล่าหลังเรื่องตอนที่ 1 เล่าหลังเรื่องตอนที่ 2 เล่าหลังเรื่องตอนที่ 3 เล่าหลังเรื่อง ตอนที่ 4 ตอนที่หายไป_ ผู้เขียน
เรื่องใหม่ของครูก้อง
ภูตต่างพบ (new)
ในช่วงปี 2000 เราเองได้เปิดเว็บไซต์ของตัวเองค่ะ (อ่านไม่ผิดค่ะ ปี 2000 คือเมื่อ 15 ปีก่อน) ซึ่งในขณะนั้นเว็บฟรีที่ได้รับความนิยม จะเป็น geocities.com ในเครือของ yahoo ค่ะ ทีนี้เวลาทำเว็บมันจะมีกราฟฟิกฟรีที่สามารถนำมาใช้ประกอบในเว็บไว้แต่ต้องลิงค์กลับเว็บเจ้าของภาพด้วยเหมือนข้างบนนะคะ (สมัยนี้บางที่เรียกว่า Linkware) จึงขอนำภาพเก่า ๆ ที่เคยใช้สมัยก่อนที่เว็บเจ้าของปิดไปแล้วมารวมไว้ หากท่านใดเป็นเจ้าของ ช่วยแจ้งด้วยนะคะ จะลิงค์กลับไปให้
Here's graphic i was use in my old website year 2000. the site of the owner of graphic was closed and i don't know where there move. they are very cute and still make me feel good. If you are owner of them please tell me and i will link back to your new site. Or delete if you want
นิยาย ครีมหน้าขาว มาส์กหอย ข้ามภพข้ามชาติ ฟรีลิงค์
BSC Marvelous Skin dirt Removal scrub ตัวนี้ซื้อมาพร้อมเปิดคอร์สนวดหน้า ชาติกว่ายังไม่มีทีท่าจะหมด เพราะใช้ทีนึงไม่มาก จี๊ดเดียวประมาณเหรียญบาทค่ะ ราคา 690 ขนาด 100 กรัม ข้อดี : หอม สครับเม็ดละเอียดกำลังดี (เป็นเม็ดแบบกากน้ำตาล) ไม่เจ็บหน้าเกินไป ใช้ได้นาน จนตัวอื่นหมดแล้ว อันนี้ยังอยู่ เพราะมันหลอดใหญ่มาก ถ้าสครับอย่างสม่ำเสมอก็ถือว่าคุ้มนะคะ **รีวิวต่าง ๆ นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และความพึงพอใจที่แตกต่างกัน ขอให้ใช้วิจารณญาณในการจับจ่ายนะคะ บทความนี้เขียนไว้ตั้งแต่ปี 54 สมัยไปเที่ยวฮ่องกงนะคะ หลังจากนั้นก็ไปฮ่องกงอีกสองครั้งแต่ก็ไม่เจออีกเลย (ไม่ต้องเจอก็ได้ ไม่ได้ว้อนท์ขนาดนั้น) จริง ๆ ไม่นึกว่าจะได้มาเล่าเรื่องแบบนี้ เคยอ่านเจอเรื่องแบบนี้มาก็มาก แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เริ่มเลยแล้วกันเนอะ หลายคนคงเคยได้ยินมาเนอะ ว่าเวลาเดินทาง ขึ้นเครื่องบิน ใครฝากของอะไรไม่ให้รับฝากลงกระเป๋า หรืออะไรก็ตาม เราเองเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มานานแล้วค่ะ แต่ก็ไม่คิดจะเจอกับตัว
หลังจากไปเที่ยวเริงร่าที่ฮ่องกง ก็ถึงเวลากลับบ้านกันสักที ด้วยความที่มาถึงสนามบินของฮ่องกงก่อนเคาน์เตอร์เปิด เรานั่งรอกับเพื่อน ๆ อยู่นาน เคาน์เตอร์ก็ยังไม่เปิด จึงบอกเพื่อนขอไปเดินยืดเส้นยืดสายดีกว่า โดยผลัดกันเฝ้ากระเป๋าไว้ค่ะ เราเดินไปเรื่อย ๆ ดูเคาน์เตอร์อันนั้นอันนี้ รวมทั้งจะมาเดินดูว่าเคาน์เตอร์ของสายการบินของเราเปิดให้เช็คอินหรือยัง เดินอยู่เพลิน ๆ กำลังสนใจมองที่ชุดแต่งกายสตรีที่นักท่องเที่ยวชาวแอฟริกันสวมใส่ (กำลังเดินผ่านสายการบินเอธิโอเปีย) "ไปไหนน่ะ" เสียงไม่คุ้นหูร้องทักเป็นภาษาไทย ด้วยสัญชาตญาณจึงหันกลับไปมอง พบหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมย้อมผมสีแดงสวมชุดสีดำยิ้มให้ ฉันไม่ตอบ เดินต่อ เพราะหันไปมองหน้าแล้วไม่รู้จัก เขาคงทักคนอื่น "น้องน่ะแหละ" หญิงคนเดิมเรียกอีก "หนูหรือคะ" ฉันตอบ "ใช่ ๆ ไปไหนน่ะ กลับกรุงเทพหรือเปล่า" "ค่ะ" ฉันตอบสั้น ๆ เธอถามถึงสายการบินที่เราไป เราก็บอกไป เธอกลับบอก "พี่ขอแชร์น้ำหนักของหน่อยสิ เนี่ยเราบินสายการบินเดียวกัน" หญิงคนนั้นกล่าว "ของหนูกับเพื่อนเยอะมากเลยพี่ไม่รู้จะพอหรือเปล่า" ฉันตอบ "ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เคาน์เตอร์จะเปิดทุ่มนึง เดี๋ยวเราไปเช็คอินด้วยกันนะ พี่จะพาไปเช็คอิน" "พี่ไปสายการบินนี้เหรอ" ฉันถาม เพราะยืนอยู่ตรงเอธิโอเปียนี่นา ไม่ใช่สายการบินของเราซะหน่อย "เปล่า ๆ อันนี้พี่มาเทคแคร์ลูกค้า" หญิงชุดดำตอบ ฉันจึงผละออกไป เดินเล่นไปเรื่อย ๆ หรือหญิงชุดดำจะเป็นไกด์ แล้วทำไม ไกด์ไม่บินไปกับลูกทัวร์ แยกสายการบินทำไม ฉันนึกเอะใจ สงสัยโดนดีแน่แล้ว แต่จะทำยังไง เพราะดูว่าเธอจับจ้องฉันตลอดเวลา ฉันจึงกลับมาเล่าให้เพื่อนฟัง ทุกคนเห็นตรงกันว่าไม่ควรให้ฝาก เพราะเกิดเป็นของผิดกฏหมายขึ้นมา งานเข้าใหญ่หลวงแน่ เนื่องจากของพวกเราเยอะจริง ๆ ค่ะ จึงผลัดกันเฝ้า ผลัดกันเดินเล่น โชคดีที่เรานั่งกันไกลมากจากจุดเช็คอิน หญิงชุดดำจึงไม่ได้เห็นว่ากลุ่มเรามีใครบ้าง ถึงคิวฉันไปเข้าห้องน้ำ บังเอิญเจอเพื่อนที่ออกมาเดินเล่นก่อน ทักกันนิดหน่อย หญิงชุดดำเปิดประตูห้องน้ำมาประชิดตัวฉันทันที เนื่องจากเพื่อนรู้ตัวอยู่แล้ว เลยเดินหนีไป ทำเป็นไม่รู้จักกัน "น้อง ๆ ของน้องอยู่ไหน" "อยู่กับเพื่อนค่ะ" "เดี๋ยวเคาน์เตอร์เปิดเดินมาหาพี่เลยนะ" เธอสั่ง ฉันรีบออกจากห้องน้ำ เลยบอกเพื่อนเราต้องสลายตัวกันแล้ว เพราะเธอจ้องประชิดตัวมาก เลยตกลงกันว่าให้เพื่อนที่หน้าตา "ไม่ไทย" เป็นคนต่อแถวเช็คอิน แล้วฉันจะโผล่มาตอนถึงคิว ฉันเดินเล่นไปมา หญิงชุดดำเข้ามาคุยด้วยหลายครั้ง เธอวิ่งวุ่นวายเหมือนไกด์ทัวร์ คุยกับคนนั้นคนนี้ เรานึกแปลกใจ แล้วทำไมต้องมาแชร์น้ำหนักกับเรา ไม่แชร์กับลูกทัวร์ล่ะ "น้อง ๆ ของไปไหน" เธอถามเมื่อเห็นฉันเดินตัวปลิว "เนี่ยหาเพื่อนไม่เจอ" ฉันตีหน้าเศร้า (เพื่อนยืนทำหน้าเกาหลีอยู่ข้าง ๆ นั่นแหละ ทำเป็นดูประกาศต่าง ๆ) "พาสปอร์ตหนูก็อยู่กับเพื่อน" ฉันตอบแล้วเดินหนีมาเลย ฉันไปหลบมุมจนใกล้ถึงคิว เดินผ่านหญิงชุดดำ ฉันยิ้มให้ เธอกลับหน้าบึ้งใส่ วิ่งไปต่อแถว business class ฉันคิดว่าเธอคงไปอ้อนขอชั้น business แชร์ได้แล้วมั๊ง เช็คอินเสร็จ เพื่อนเล่าให้ฟังว่า มีเรื่องตอนเราหลบไป หญิงชุดดำวิ่งวุ่นไปทั่ว จะขอแชร์น้ำหนักคนนั้นคนนี้ เพราะของเธอ 41 กิโล จนสายการบินต่อว่า ฝรั่งในแถวก็ต่อว่า อ๋อมิน่า เลยมาหน้าบึ้งใส่ คงโดนว่ามา แถมตอนฉันจะเช็คอิน เจ้าหน้าที่ถามแล้วถามอีกว่ามาด้วยกันใช่ไหม ขอบคุณสายการบินมาก ที่ใส่ใจสังเกตนะคะ เจ้าหน้าที่คงมีประสบการณ์แบบนี้บ่อย เช็คอินเสร็จมาถึงหน้าเกต ก็ไม่พบหญิงชุดดำคนนั้นเลย ไหนบอกบินพร้อมกัน ตอนรับกระเป๋าที่ไทยก็ไม่มี ไหนบอกบินพร้อมกัน เรื่องราวปะติดปะต่อกันได้ คิดเองว่า เธอคงวิ่งวุ่นหาคนฝากกระเป๋า โดยที่ตัวเองไม่ได้บินมาด้วย ถึงเวลาคงให้เราหิ้วออกจากด่านตรวจ มีคนมารอรับ ถ้าถูกจับคนซวยคือเรา เพราะชื่อที่แปะที่กระเป๋าก็ต้องเป็นชื่อเราเพราะเราเป็นคนโหลด ขอบคุณเว็บพันทิป และสื่อต่าง ๆ ที่ทำให้เรารู้กลของพวกนี้ และไม่หลงเชื่อ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ไม่งั้น เราคงเป็นเหยื่อไปแล้ว แล้วกลโกงแบบนี้มีมาเป็นสิบปีจนเราคิดว่าเลิกใช้ไปแล้ว ก็ขอมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ผู้ที่ยังไม่ทราบจะได้ระวังตัวด้วยนะคะ นี่ขนาดเรารู้ ยังเกือบ ปล. ถ้าคุณผู้หญิงชุดดำคนนั้นมาอ่าน แต่ไม่มีเจตนาร้าย เราก็ขอโทษนะคะ แต่เราก็ไม่สะดวกใจที่จะแชร์น้ำหนักอยู่ดีแหละค่ะ 30 กิโลของเราถึงเราใช้ไม่ครบมันก็เป็นสิทธิ์ของเราค่ะ แม้เราจะโหลดกระเป๋าเปล่า มันก็เป็นสิทธิ์ของเราค่ะ ถ้าของคุณเกินคุณต้องบริหารจัดการเองค่ะ ปล.เคยโพสกระทู้นี้ในพันทิปค่ะ ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำด้วย (ครั้งแรกครั้งเดียวในชีวิตเลย) กระทู้นี้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/08/E10896797/E10896797.html |
Miss Honeynut เป็นคนชอบเขียนนั่นนี่มาตั้งแต่เด็ก สมัยที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตก็เขียนลงสมุดไดอารี่ ตั้งใจจะเขียนไปเรื่อย ๆ เพื่อเก็บบันทึกความทรงจำ Archives
March 2023
Categories
All
|